
#Saveพระมหาสมปอง เป็นอีกหนึ่งแฮชแท็กที่ชาวโซเชียลต่างพากันติดลงบนทวิตเตอร์เพื่อดันหัวข้อกระทู้เรื่องพระมหาสมปองกำลังจะถูกจับสึก ให้ขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ ทั้งนี้เป็นไปเพื่อช่วย save พระมหาสมปองที่กำลังโดนสภาวะกดดันจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าไว้ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่พระมหาสมปองหลั่งน้ำตาออกมากลางไลฟ์สดเมื่อครั้งบรรยายธรรมร่วมกับพระมหาไพรวัลย์ วรรณโณและพระมหานภันต์ สนติภพโท โดยพระมหาสมปองได้ตัดพ้อว่า มีคนจ้องจะจับท่านสึกจากการเป็นพระทั้งที่ทำงานช่วยเหลือวงการ ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ มาตลอด ผ่านการบรรยายธรรม สิ่งไหนที่ต้องการจะให้นิ่งเฉย ท่านก็ปฏิบัติ แล้วเหตุใดถึงยังมีความคิดที่จะจับท่านสึกอีกด้วยเล่า ? ประเด็นนี้เองที่ทำให้ชาวโซเชียลถึงกับทนไม่ไหว พากันติดแฮชแท็กดังกล่าวหวังช่วยเหลือและปกป้องพระมหาสมปองไว้
สังคมไทยตื่นตัว save พระมหาสมปองเพราะอะไร ?

เป็นที่ทราบกันดีว่าพระมหาสมปองเป็นพระที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่ยึดติดกับกรอบเดิม ๆ ที่ว่า ถ้าอยากฟังธรรมมะ ต้องเดินมาที่วัดเท่านั้น ทว่าพระรูปนี้กลับรู้จักนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งจำเป็นต้องธำรงค์ไว้เพื่อรักษาความเป็นชาติไทยของเรา พระมหาสมปองถึงเริ่มใช้วิธีการไลฟ์สดผ่านช่องทางออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มบุคคลได้มากกว่าการให้บุคคลเหล่านั้นเดินไปที่วัดเอง ซึ่งการไลฟ์สดของพระมหาสมปองนั้นส่งผลลัพธ์ทางที่ดีในวงกว้าง เมื่อเข้าถึงการบรรยายธรรมได้ง่ายขึ้นผ่านสื่อรวมถึงช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถดูย้อนหลังได้ ดังนั้น การบรรยายธรรมของพระมหาสมปองถึงเข้าถึงคนทุกระดับชั้นในวงกว้างเช่นเดียวกัน ใครที่มาฟังและกำลังมีปัญหาในชีวิต ก็สามารถใช้แนวคิดที่มีประโยชน์จากพระมหาสมปองมาใช้งานกันได้ค่ะ ถ้าจะให้วิเคราะห์ พระมหาสมปองได้ทำประโยชน์มากมายให้กับสังคม ทำให้คนตื่นตัวหันมาฟังธรรมมะกันมากขึ้น สังคมดีเพราะมีศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ ส่งผลทำให้ชาติไทยที่เราอาศัยอยู่นั้นแข็งแกร่งมีความเป็นปึกแผ่นโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ แล้วจู่ ๆ จะมาจับสึกพระที่ทำดีมาทั้งขีวิต เราชาวโซเชียลทนนิ่งเฉยไม่ได้หรอก ดังนั้นถึงมีการติดแฮชแท็ก save พระมหาสมปองไว้
#Saveพระมหาสมปอง แฮชแท็กนี้บอกอะไรเรา ?

ใจความหนึ่งในข่าวที่บอกว่า
“ผมเป็นคนเข้มแข็งนะ แต่รู้สึกเหนื่อย ที่ผ่านมาไม่มีเจตนาอื่นนอกจากช่วยคน แต่กลับมีคนจ้องจับสึก จับผิดแทนที่จะดูแลตน แล้วจะให้ไปเอากำลังใจจากไหน เพราะเราเป็นหนึ่งในกำลังของพุทธศาสนา ให้ผมเรียนภาษาบาลีก็เรียน ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ให้ท่องก็ท่อง ไม่ให้พูดก็ไม่พูด ให้หยุดก็หยุด ผมดื้อเหรอ ทำขนาดนี้ยังจ้องจับสึกคืออะไร “
อ้าวอิงจาก
https://www.thairath.co.th/news/society/2215891
นี่คือความอัดอั้นตันใจของพระมหาสมปอง จนชาวโซเชียลทนไม่ไหวต้องช่วยกัน save พระมหาสมปองไว้จากผู้มีอำนาจ ในมุมมองของไรเตอร์ สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังสะท้อนในเรื่องของการทำความดีว่า การทำความดีนั้นมีคนเห็น และเกราะของการทำเรื่องดี ๆ นั้น ความดีจะมาปกป้องคุ้มครองตัวเราเอง แม้คนกลุ่มหนึ่งไม่เห็น แต่ก็ยังมีคนอีกมากเห็น และอดไม่ได้ที่จะทวงความยุติธรรมนั้นให้ เฉกเช่นเดียวกับกรณีของพระมหาสมปองซึ่งให้แง่คิดเรื่องการทำดีเอาไว้ ในส่วนของกระแส ถือว่าสังคมทวิตเตอร์เป็นเสมือนหนึ่งกระบอกเสียงหรือศาลที่คอยทวงความยุติธรรมให้ ถ้าสิ่งที่ทำนั้นเป็นเรื่องดี ไม่ต้องผ่านกระบวนการอะไรมาก หลายเสียงของชาวโซเชียลที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้ว ก็เหมือนกับการให้คะแนนนั่นก็คือ คะแนนบวกหรือคะแนนลบ ถ้าแนวโน้มมาทางคะแนนบวก แสดงว่า การตัดสินนั้นไม่ว่าจะดีหรือไม่ ล้วนผ่านมุมมองของคนส่วนใหญ่โดยเอากระทำและผลลัพธ์ของการกระทำเป็นที่ตั้ง กรณีของพระมหาสมปองก็เช่นเดียวกัน แล้วจะรู้ว่าพลังโซเชียลมีบทบาทมากเพียงใด ?
#Saveพระมหาสมปอง กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ถ้าเกิดพระรูปนี้ไม่ได้สร้างคุณงามความดีไว้ ชาวโซเชียลก็คงไม่ออกโรงปกป้องจนถึงกับต้องช่วยกันติดแฮชแท็กกันทั่วบ้านทั่วเมือง กลายเป็นกระแสราวไฟไหม้ นี่คือคุณงามความดีที่ทำไว้ อย่าลืมว่า ปัจจุบัน ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ สิ่งที่ทำย่อมมีคนรู้คนเห็น เพราะฉะนั้น ทำความดีไว้เถอะค่ะ ถึงเบื้องบนที่สูงกว่าจะไม่เห็น แต่ก็มีคนอีกมากมายที่เห็น เพราะความยุติธรรมบนโลกนี้ยังมีอยู่จริงค่ะ
เครดิตภาพ
https://www.sanook.com/news/8455778/
บทวิเคราะห์ที่คุณอาจสนใจ