โหนกระแส สรพงษ์ เกี่ยวกับสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ Hermes ยังเป็นประเด็นดราม่าให้ถกเถียงกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวเจ้าของกระเป๋าไปจนถึง แม่ค้าเจ้าของร้านที่รับซื้อกระเป๋าของเธอไป ทั้งที่ได้ทำการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่จบ
ดังนั้น เพื่อให้ทันต่อกระแส ทางรายการโหนกระแส ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตัดสินใจอัญเชิญตัวเจ้าของกระเป๋ารวมถึงแม่ค้าผู้รับซื้อกระเป๋ามาจับเข่านั่งคุยกัน ใครที่กำลังเกาะติดสถานการณ์ดังกล่าวว่า เป็นความผิดของใคร ? วินาทีนี้สามารถตามอ่านในบทความกันได้เลย
รายละเอียด ข้อเท็จจริง
เหตุเกิดเริ่มมาจากทางแม่ค้าผู้รับซื้อกระเป๋าได้ไลฟ์สดพร้อมกับใช้ปากกาเขียนคำโต ๆ ลงบนกระเป๋าว่า “ปลอม” คล้ายจงใจสร้างกระแส พร้อมกันนั้น ยังได้ประกาศในระหว่างดำเนินการไลฟ์สดไปว่า ถ้ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของแท้ ตนยินดีจะโอนเงินให้เจ้าของกระเป๋าเป็นจำนวนเงินถึง 2 ล้านบาท ทว่า ภายหลังไลฟ์สดออกไป กลับมีการนำกระเป๋าดังกล่าวไปตรวจสอบ ก็พบว่า กระเป๋าที่ว่าเป็นของแท้ ไม่ใช่ของปลอมแต่อย่างใด
เมื่อความจริงปรากฏ ได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมาย สาเหตุนั่นเป็นเพราะ ตัวเจ้าของกระเป๋าเรียกร้องมาว่า การพูดในลักษณะดังกล่าวอีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่า เธอเป็นพวกมิจฉาชีพ ซึ่งคำพูดที่ว่านั้น สร้างความเสียหายแก่เธอมากพอสมควร ดังนั้น เธอต้องดำเนินการเอาผิดเจ้าของร้านกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองให้ได้และจะรอจนกว่าจะได้เงิน 2 ล้าน ตามที่เจ้าของร้านกล่าวอ้างไว้ในช่วงไลฟ์สด
โหนกระแส สรพงษ์ วิเคราะห์ข่าว
ต่อกรณีดังกล่าวข้างต้น ทำให้รายการโหนกระแสได้ทำการเชิญผู้เสียหายกับเจ้าของร้านรับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองมาพูดคุย ตกลงกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเองดังนี้
เจ้าของกระเป๋าต้องการทวงศักดิ์ศรีของตนคืน ดังนั้น ถึงไม่ยอมรับการโอนเงินเพียงแค่ 395,000 บาท ซึ่งเมื่อนำมาตีมูลค่า ได้มากกว่านั้น เพราะสาเหตุนี้นี่เอง เธอถึงยอมมาออกรายการโหนกระแส โดยมีวัตถุประสงค์ เป็นไปเพื่อ ชี้แจง ข้อเท็จจริงในมุมมองของตัวเองพร้อมหลักฐานเรื่องที่ตนโดนสบประมาทให้ปรากฏแก่สังคมอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งเจ้าของร้านรับซื้อกระเป๋าแบรนด์ดังกล่าว ก็ได้โต้กลับมาว่า ไม่ว่ากระเป๋าใบนี้จะเป็นอย่างไร ? ตนก็พร้อมจ่ายให้ได้เพียงแค่ 395,000 บาท ทั้งนี้นั่นเป็นเพราะ ทางร้านการันตีว่า รับซื้ออยู่แล้ว ซึ่งการที่แม่ค้ารับซื้อกระเป๋าพูดออกมาแบบนี้ ทำให้ทั้งคู่เกิดการปะทะคารมกันขึ้นอีกรอบ
มาถึงการวิเคราะห์ ในมุมมองของไรเตอร์ ณ ขณะนี้ ประเด็นที่ว่า กระเป๋าใบนี้ได้รับการพิสูจน์ว่า เป็นของจริงนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งถกเถียงกันอีกต่อไป ทว่า สิ่งที่เจ้าของกระเป๋าต้องการ นั่นก็คือ การที่อีกฝ่ายยอมรักษาคำพูด เมื่อบอกไปว่า จะโอนเงินให้ 2 ล้านบาท หากตรวจพบว่า กระเป๋าใบนี้เป็นของจริง ซึ่งภายหลังตรวจสอบ ก็พบว่า กระเป๋าเป็นของจริง ทแต่เจ้าของร้านกระเป๋ากลับยึกยักไม่ยอมทำตามที่ลั่นวาจาไว้
แล้วเรื่องราวดังกล่าวจะลงเอยอย่างไร ? เชื่อได้เลยว่า จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของแต่ละฝ่ายทำหน้าที่ เข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ตรงหน้า เพื่อที่ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะจบลงด้วยดี
โหนกระแสสรพงษ์ คนเราย่อมหนีความจริงกันไม่พ้น ช้าเร็วความจริงดังกล่าว ก็ต้องเปิดเผยออกมาอยู่ดี เพราะฉะนั้น จริงใจเสียตั้งแต่คราวแรก ก็ไม่ต้องมานั่งเสียเวลามาถกอธิบายให้คนอื่นมาร่วมรับรู้การกระทำของเราไปด้วย
เครดิตภาพ
https://hilight.kapook.com/view/219419
บทความที่อาจสนใจ หวย 80 บาท ผู้การอุดรฯ เดินคำชะโนด เจอแต่หวยราคาเท่านี่